PANTIP.COM : L11324369 [เรท] กินยาคุมฉุกเฉินดีไหม [สุขภาพกาย]
[เรท] กินยาคุมฉุกเฉินดีไหม
เป็นเมนส์ล่าสุด วันที่ 21 ต.ค. 54
มีอะไรกับแฟนวันที่ 29 ต.ค. เขาไม่เสร็จ ไม่หลั่ง แต่เรากลัวท้อง เราเลยกินยาคุมฉุกเฉินไป
อีกครั้ง วันที่ 5 พ.ย. ก็เหมือนเดิม เขาไม่เสร็จ ทำไงก็ไม่เสร็จ แต่เราก็กินยาอีก
มาวันนี้ วันที่ 12 พ.ย. เขายังคงไม่เสร็จเหมือนเดิม เราจะกินยาคุมฉุกเฉินอีกดีไหมคะ
เขาไม่ยอมใช้ถุงยาง ยังไงก็ไม่ยอมใช้
เราจะทำไงดีคะ ควรทำอย่างไรดี ตอนนี้ซื้อยาคุมฉุกเฉินมาแล้ว แต่ยังไม่กล้ากินค่ะ
ความคิดเห็นที่ 1
เรื่องอย่างนี้ต้องตามใจเขาครับ มันจิ๋มของเขา ไม่ใช่จิ๋มของเรา
ตอนท้องก็เขาท้อง ไม่ใช่เราท้อง เขาจะใส่ถุงไม่ใส่มันเรื่องของเขาไม่เกี่ยวกับเรา
ส่วนยาคุมฉุกเฉิน กินบ่อยๆ ก็เขาเจ็บ เขาป่วย เขาตาย ก็เรื่องของเขาครับ ก็ไม่เกี่ยวกับเรา
สรุป เรื่องของเขาครับ ปล่อยให้ผู้ชายเขาจัดการเอง
เราเป็นผู้หญิงนอนแบอย่างเดียว สมองไม่ต้องใช้ก็ได้
ป.ล. ใช้ Google หาวิธีคุมกำเนิด และการใช้ยาคุมฉุกเฉินก็ดี
ความคิดเห็นที่ 2
กินยาคุมฉุกเฉินไปทั้งหมด 2 ครั้ง (ครั้งละ 2 เม็ดตามวิธีการกิน)
แล้วกำลังจะกินอีกครั้งเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งอาจจะมีครั้งต่อๆไปอีก
ถ้าพฤติกรรมการมี พสพ ของคุณ จขกท ยังเป็นแบบนี้...
เปลี่ยนจากยาคุมฉุกเฉินมาเป็นยาคุมปกติ 21 วัน หรือ 28 วันดีกว่าไหมคะ?
หรือเปลี่ยนแฟนค่ะ ถุงยางไม่ยอมใช้ ติดเชื้อหรือเปล่าก็ไม่รู้
แถมคุณก็ไม่พร้อมที่จะมีบุตรด้วย
รอบเดือนคุณกี่วันคะ?
นับไปนับมา ประจำเดือนใกล้จะถึงรอบเดือนแล้วหรือเปล่าคะ?
ปล. เสร็จไม่เสร็จ ก็มีน้องน้ำออกมานะคะ มากน้อยแล้วแต่เนาะ
ความคิดเห็นที่ 3
โอยยยยย... ทำไมกินฉุกเฉินถี่ขนาดนั้นตะเอง
ผู้ชายจะเสร็จไม่เสร็จ ลองเข้าข้างในแล้วท้องได้ทั้งนั้นแหละ
แล้วยังไม่พร้อมจะมีลูกกันทั้งสอง ... เฮ่ออ ตายละหว่า
เหมือนคุณ แมวน้อยฯ ข้างบน กินแบบแผงเลยดีกว่าค่ะ
ความคิดเห็นที่ 4
รักเค้ามากจนไม่รักตัวเองเลยเหรอครับ
คนรู้จักผม ถ้าไม่มีถุง ก็ชักเองเลย.............
รักตัวเองบ้างนะครับ นี่ถ้าเค้า ขอมีด้วยทุก สัปดาห์ก็จะกินแต่ยาฉุกเฉินหรือครับ
ถ้ากลัวเค้าไม่รัก ก็กินยาคุมปกติดีกว่าครับ
ถ้าเป็นโรคขึ้นมา นี่จะโทษใครดี โทษเค้าที่ไม่ใส่ถุงหรือโทษเราที่ยอมเค้า
ขอให้โชคดีนะครับ
ความคิดเห็นที่ 5
แถมเค้าไม่เสร็จอีก เฮ้อออออออออ
ความคิดเห็นที่ 6
รักออกแบบไม่ได้
ความคิดเห็นที่ 7
ก็อยากให้กิน แต่กินบ่ออยเกินไปนะ
ความคิดเห็นที่ 8
กินมากๆก็อันตรายนะ
ความคิดเห็นที่ 9
มันก็บอกอยู่ว่าเป็นยาคุมฉุกเฉิน ใช้ในยามฉุกเฉินเท่านั้น
ความคิดเห็นที่ 10
ชอบ คห.หนึ่งอะ ฮ่าาาาาาาาาา
ความคิดเห็นที่ 11
เขาไม่ยอมใช้ถุงยาง ยังไงก็ไม่ยอมใช้
ููู^^^
ไม่"ใช้"ก็ไม่ต้อง "เอา"
ความคิดเห็นที่ 12
อย่ายอมมากค่ะ ดูแลตัวคุณเองด้วย
ความคิดเห็นที่ 13
เห็นด้วยกับความเห็นที่หนึ่งครับ ที่จริงพื้นฐานของการร่วมรักเกิดจากความรักนะครับ เพราะฉะนั้นต้องไม่เห็นแก่ตัว ถ้ารักกันก็ต้องเข้าใจกัน ผมว่าทำความเข้าใจกับเขาดีกว่าครับ ไม่ใช่ว่าให้คุณกินแต่ยาคุมฉุกเฉินกินบ่อยๆ ไม่ดีครับ ชื่อก็บอกแล้วว่าฉุกเฉิน คือในกรณีจำเป็นจริงๆ เรื่องอย่างนี้ต้องช่วยกันครับ ไม่ใช่ผลักภาระฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดรับผิดชอบ ถ้าคุณมีปัญหาในการใช้ยาคุมแบบปกติ และเขาไม่ยอมใช้ถุงยางก็ปล่อยให้อดเลยครับ ในฐานะผู้ชายด้วยกันผมว่าค่อนข้างเห็นแก่ตัวครับ
ความคิดเห็นที่ 14
กินยาฉุกเฉินทำไม..ก็เขายังไม่เสร็จ..!!
ต้องให้เค้าเสร็จ..คาจิมิคุณครับ..ค่อยกินยาฉุกเฉิน
ความคิดเห็นที่ 15
ผู้ชายเห็นแก่ตัวมากครับ ไม่ใส่ก็ไม่ต้องเอา ไม่งั้นก็เลิกๆไปเลยครับผู้ชายเฮงซวย
ความคิดเห็นที่ 16
อันตรายนะคะ ยาคุมฉุกเฉิน คือในชีวิตเนี่ย กินแค่ครั้งสองครั้งก็มากพอแล้วค่า
คือถ้านานๆๆๆครั้งกินก็ยังพอทนนะ แต่ จขกท กินติดๆกันเลยนี่สิ ระวังมดลูกจะมีปัญหาในอนาคตนะ
ความคิดเห็นที่ 17
ทำไมคิดจะกินยาคุมฉุกเฉินบ่อยขนาดนั้น
ไม่กลัวอันตรายเหรอคะ
มดลูกพังหมดพอดี ซื้อยาคุมแบบเดือนกินสิึคะถ้ากลัวท้อง หัดป้องกันบ้าง
จะได้ไม่มีผลของการทำแท้งตามมา
ความคิดเห็นที่ 18
ริจะมีเพศสัมพันธ์
ควรรู้จักการป้องกันอย่างถูกวิธี
ความคิดเห็นที่ 19
เตือน อย่าใช้ “ยาคุมฉุกเฉิน” เกิน 2 ครั้งในชีวิต
พบวัยรุ่น-ผู้ใหญ่ใช้ยาคุมฉุกเฉินแบบไม่รู้จริง กินประจำแทนยาคุมธรรมดา เพราะเขี้เกียจ หาง่าย ราคาถูก หวั่นมีเพิ่มสูงขึ้น แพทย์ชี้ไม่ควรใช้ “ยาคุมฉุกเฉิน” เกิน 2 ครั้งในชีวิต เพราะเสี่ยงต่อมะเร็งและผลข้างเคียงต่อร่างกาย ย้ำใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น แฉเคยมีเด็กถูกแฟนหลอกให้กินหลังมีเพศสัมพันธ์
นางทัศนีย์ ศรีมงคล ผู้อำนวยการโครงการภาคเหนือสมาคมวางแผนครอบครัวแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี กล่าวถึงยาคุมกำเนิดฉุกเฉินที่มีใช้อยู่ในปัจจุบันว่า แท้จริงแล้วไม่ใช่ยาแต่เป็นฮอร์โมนเพศหญิงซึ่งสูงกว่ายาคุมกำเนิดโดยทั่วไปถึง 2 เท่า เมื่อผู้ใช้รับประทานเข้าไปก็จะไประงับการตั้งครรภ์อย่างมีประสิทธิภาพสูงมาก แต่ขณะเดียวกันก็จะมีผลข้างเคียงต่อสตรีที่รับยานี้ ดังนั้น จึงมีการกำหนดให้ใช้ยานี้ยามฉุกเฉินเท่านั้น กล่าวคือใช้ในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์ หรือในกรณีที่ถูกข่มขืนเพื่อไม่ให้ตั้งครรภ์ แต่ขณะนี้ทั้งวัยรุ่นและผู้ใหญ่หลายคนมีการนำยานี้ไปใช้โดยขาดความรู้ความเข้าใจ
“พอเห็นว่าสามารถคุมการตั้งครรภ์ได้ดีก็ใช้ยาตัวนี้ คือขี้เกียจกินยาคุมกำเนิด เพราะยาคุมกำเนิดจะต้องกินทุกวัน ก็ใช้ตัวนี้แทน พอมีเพศสัมพันธ์เสร็จก็ทานยาตัวนี้ ซึ่งจะต้องทานหลังร่วมเพศไม่เกิน 72 ชั่วโมง ถ้าเกิดว่าสัปดาห์หนึ่งมีเพศสัมพันธ์ 3 หน จะต้องทานยาตัวนี้ 3 ครั้ง เดือนหนึ่งตั้งเป็นสิบๆ ครั้ง แปลว่าผู้หญิงคนนี้ได้รับฮอร์โมนสูงมาก จะเป็นอันตรายกับตัวเขา” นางทัศนีย์กล่าว
นางทัศนีย์กล่าวอีกว่า จากข้อมูลจากแพทย์ระบุว่าในชีวิตไม่ควรจะใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเกิน 2 ครั้ง เพราะจะมีผลกับร่างกายของผู้หญิง เช่น การกระตุ้นเซลล์มะเร็ง หรือกระทบต่อรังไข่ มดลูก และร่างกายทั่วไป แม้เมื่อกินมากกว่า 2 ครั้งจะไม่มีผลรุนแรงทันทีทันใด รวมทั้งการวิจัยถึงผลกระทบยังไม่ชัดเจนเพราะต้องใช้เวลาในการศึกษา แต่การที่ร่างกายรับสิ่งใดมากเกินไปย่อมไม่ดีอย่างแน่นอน ซึ่งในทางการแพทย์ควรป้องกันไว้ก่อน
นางทัศนีย์กล่าวต่อไปว่า ตนได้ไปบรรยายในโรงเรียนแห่งหนึ่ง มีเด็กผู้หญิงชั้น ม.5 คนหนึ่งมาเล่าให้ตนฟังว่ามีแฟนเป็นทหารอากาศ ซึ่งแฟนมารับไปนอนด้วยทุกวัน พอนอนด้วยเสร็จแล้วผู้ชายก็ให้กินยาเม็ดขาวๆ เม็ดหนึ่ง อยากจะรู้ว่าเป็นยาอะไร ซึ่งตนทราบว่ายาเม็ดสีขาวดังกล่าวเป็นยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน และเด็กผู้หญิงนั้นถูกผู้ชายหลอกให้รับประทาน
“คิดดูนะคะ กินยาคุมกำเนิดทุกวัน พอถึงระยะหนึ่งเรายังต้องเปลี่ยนเลย ผู้หญิงที่ทานยาเม็ดคุมกำเนิดหรือฉีดยา หรือรับอย่างใดอย่างหนึ่งไปภายในไม่เกิน 10 ปีต้องเปลี่ยนวิธีแล้ว แต่นี่เด็กผู้หญิงซึ่งยังเด็กด้วยซ้ำไป ถ้าทานยานี้ทุกวันๆ จะเกิดอะไรขึ้น” นางทัศนีย์กล่าว และระบุว่านี่เป็นเพียงหนึ่งรายที่ตนบังเอิญไปพบเท่านั้น หากมีอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่รู้ก็จะมีการใช้ยานี้เป็นจำนวนมาก รวมทั้งยังมีราคาถูกเพียงกล่องละ 35 บาทและหาซื้อได้ทั่วไป ดังนั้นจึงควรมีการรณรงค์เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเอกสาร “ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน” ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่าในกล่องยาคุมฉุกเฉิน 1 กล่องจะมียา 2 เม็ด ผู้ใช้ต้องกินทั้ง 2 เม็ด โดยกินเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากมีเพศสัมพันธ์ และกินเม็ดที่สองเมื่อครบ 12 ชั่วโมงหลังจากกินเม็ดแรกแล้ว ทั้งนี้ไม่สามารถทำให้เกิดการแท้งหรือทำอันตรายแก่เด็กในครรภ์หากเกิดการตั้งครรภ์แล้ว อย่างไรก็ตามในเอกสารดังกล่าวไม่ได้ระบุว่าให้กินได้ไม่เกิน 2 ครั้งในชีวิตแต่อย่างใด
ข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์ 8 กรกฎาคม 2548
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น